เปิดครัวชวนผู้สูงอายุเรียนรู้สุขภาวะผ่านอาหารอีกครั้งใน #ค่ายกับวัยเก๋า ปีที่ 2”
- Chayapon[04] Sitikornvorakul
- Sep 4
- 2 min read
“เพราะยังมีอาหารหล่อเลี้ยงในทุก ๆ วัน เราจึงไม่ควรมองข้าม” กลับมาอีกครั้งกับ “ค่ายกับวัยเก๋าปีที่ 2” โครงการโดยศูนย์ฟอร์ดเพื่อนชุมชน (FCC Bangkok) และ Urban studies Lab หรือศูนย์วิจัยชุมชนเมือง ที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและชุมชนในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ผ่านการทำอาหารที่เราเชื่อว่าสุขภาวะที่ดีเริ่มต้นง่าย ๆ ได้ในครัว และปีนี้ก็เป็นปีที่ 2 ที่พวกเรายังคงจัดขึ้นจากความต้องการของชุมชนเช่นเคย เหมือนกับปีแรกที่ได้รับเสียงตอบรับกลับมาล้นหลามเลยทีเดียว
ถึงปีที่ 2 พวกเรายังคงใช้กิมมิคเล็ก ๆ อย่างการใช้คำนำหน้าว่า “เชฟ” แต่กลับมาครั้งนี้เราพกความรู้อัดแน่นและความสนุกจัดเต็มมาให้กับชาวค่ายในปีนี้มากขึ้นแน่นอน ปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างไรมาดูกันเลย!

🏕️ค่ายปีนี้พวกเราทำอะไรบ้าง
เตรียมพร้อมวัตถุดิบก่อนลงมือ🙌🏻
ก่อนจะทำอาหารแน่นอนว่าเราต้องรู้จักวัตถุดิบตรงหน้าให้ดีเสียก่อน จากเดิมปีที่แล้วใช้การ์ดเกมที่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดการ์ดทำให้ผู้สูงอายุมองไม่เห็น และมีข้อจำกัดเรื่องร่างกายที่หลายท่านอาจไม่สะดวกออกไปร่วมสนุกหน้าชั้นเรียนเท่าไหร่ ในปีที่ 2 เรายังคงใช้ “การ์ดเกม” เป็นกิจกรรมให้ความรู้เป็นหลักเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือ ทำให้ขนาดการ์ดใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว และเปลี่ยนภาพตัวอย่างที่ใช้เป็นภาพของจริงเพื่อให้เหล่าเชฟเข้าใจมากที่สุด ถึงแม้รูปแบบจะเหมือนเดิมแต่ผลตอบรับยังดีไม่แพ้กัน เหล่าเชฟทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เกมนี้สนุกมาก!”
แต่สำหรับปีนี้แค่การ์ดเกมอาจยังไม่จุใจพอ ก่อนเริ่มกิจกรรมสัปดาห์แรกและกิจกรรมสุดท้ายพวกเรามี “แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน” ออกแบบโดย Urban Studies Lab เพื่อวัดความรู้ที่มีติดตัว ทำเอาเหล่าเชฟของเราตื่นเต้นไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว
นอกจากเตรียมพร้อมเรื่องวัตถุดิบแล้ว การเตรียมพร้อมสำหรับร่างกายในการทำอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ พวกเราเปลี่ยนพื้นที่จัดกิจกรรมเป็น “ฟลอร์ออกสเต็ปเรียกเหงื่อให้กับเหล่าเชฟ” เพื่อเป็นการวอร์มร่างกายให้พร้อมกับการเล่นเกมและขยับตัวสำหรับทำอาหาร และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในภายหลังด้วยล่ะ
มีของบริโภคแล้ว จะขาดของอุปโภคไปได้อย่างไร 🧴
เพราะในห้องครัวไม่ได้มีเพียงแค่อาหารและวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว ยังมีของใช้ที่จำเป็นต่อการทำครัวอีกมากมายด้วยเช่นกัน ปีนี้พวกเราชวนเหล่าเชฟทุกคนทำของใช้ในบ้านที่สามารถทำได้เองภายในบ้านอย่าง น้ำยาล้างจาน น้ำส้มสายชู เพื่อให้เป็นทักษะอื่น ๆ นอกเหนือจากการทำอาหารติดตัวไปด้วยนั่นเอง
กายพร้อม ใจพร้อม กระทะพร้อม! 🍳
ในปีนี้ค่ายกับวัยเก๋าของพวกเรามีชื่อว่า “อาหารไทยสี่ภาค” การทำอาหารครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การทำอาหารให้ถูกหลักตามโภชนการ แต่เรายังเสริมความรู้ใหม่ ๆ อย่างวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละภาคและสูตรอาหารรสเด็ดประจำแต่ละภาคให้เหล่าเชฟทุกคนได้ออกลวดลายสเน่ห์ปลายจวักและลิ้มรสชาติใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคยอีกด้วย ซึ่งในปีนี้ยังคงเป็นเชฟคนเก่ง เชฟซี – อัคตัรมีซี อาหามะ เชฟมากประสบการณ์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการชุมชน เป็นหัวหน้าเชฟยอดฝีมือในปีนี้เหมือนเดิม แต่พิเศษในปีนี้มีผู้ช่วยเชฟอีก 2 ท่านจากโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิตอีกด้วย พวกเราขนเชฟมือโปรมาพาเชฟค่ายทุกคนรู้จักกับวัตถุดิบและทำอาหารไปพร้อมกันทีละขั้นตอนละเอียดยิบ แต่เหล่าเชฟไม่ต้องกลัวไปว่าจะจำอัตราส่วนหรือบางวิธีการไม่ได้ เพราะพวกเราได้รวบรวมสูตรลับตำรับสี่ภาคมาไว้ใน คู่มือสูตรอาหารประจำค่าย เรียบร้อย ในระดับที่ว่ากลับไปทำเองที่บ้านได้จริงแน่นอน

เชื่อมวัฒนธรรม เรียนรู้วิถีชุมชน ณ กำปงดงปรือ 🎣
การไปทัศนศึกษาถือว่าเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เหล่าเชฟตั้งตารอเพื่อไปเรียนรู้นอกชุมชนและปีนี้ก็เป็นอีกปีที่พวกเขารอใจจดใจจ่อเช่นกัน✨ โดยในปีนี้พวกเราชาวค่ายยกขบวนไป กำปงในดงปรือ หรือ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนดารุ้ลอิบาดะห์” ในย่านทุ่งครุ กรุงเทพฯ นั่นเอง! เป็นการทัศนศึกษาที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย ผ่านเมนูที่ไม่คุ้นหูอย่าง “ขนมดาดา” และได้เรียนรู้พร้อมกับลงมือการแปรรูปอาหารอย่าง “ปลาบูดู” เพื่อเป็นการถนอมอาหารและต่อยอดในอนาคตจนถึงการสร้างรายได้เลยทีเดียว
✳️Positive Impact: ปีที่ 2 เลขปีเพิ่มขึ้น ได้รับความเอ็นดูมากขึ้น
อย่างที่บอกไปว่าปีที่แล้วได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นจำนวนมาก ปีนี้พวกเราจึงยังคงทำค่ายด้วย “พื้นฐานความต้องการของคนในชุมชน” นอกจากนี้เรายังเตรียมความพร้อมสำหรับค่ายให้เป็นมิตรกับทุกชุมชน ทุกศาสนา เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับที่ได้อย่างทั่วถึง ทำให้ทุกคนยังคงรอคอยและให้ความสนใจกับค่ายนี้อย่างมาก และด้วยผลตอบรับจากปีที่แล้วที่ดีมาก ทำให้เราขยายความร่วมมือไปได้ไกลกว่าเดิม จากปี 1 มี 9 ชุมชน ปี 2 เพิ่มขึ้นมาเป็น 11 ชุมชน! ได้แก่ จักรพรรดิพงษ์, วัดสระเกศ, วัดโสม, ศุภมิตร 1, ศุภมิตร 2, บ้านบาตร, วุฒิชัย, บ้านดอกไม้, ตรอกมะขาม, วัดแคนางเลิ้ง (วัดสุนทรธรรมทาน) และ มหานาค ชุมชนมุสลิมหนึ่งเดียวในเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายมาร่วมด้วย ✨
เมื่อได้รับการตอบรับดีอย่างนี้ทำให้พวกเราขยายความร่วมมือจากหน่วยชุมชนได้กว้างไกลกว่าเดิมตามที่คาดไว้จากปีที่แล้ว และยังแสดงให้เห็นอีกว่า ผู้สูงอายุยังคงต้องการมีบทบาทและมีส่วนร่วมในสังคม การมีอยู่ของโครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุในชุมชนมีรอยยิ้มได้ และเป็นที่จดจำของเหล่าเชฟทุกคนไปแล้วแน่นอน
แต่นอกเหนือจากที่พวกเราเป็นพื้นที่ให้เหล่าเชฟทั้งหลายมีกิจกรรมร่วมกันโดยมีอาหารเป็นตัวเชื่อมนั้น สิ่งสำคัญโครงการนี้ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการดูแลสุขภาวะในครัวเรือนด้วยสุขภาพด้านโภชนาการก็เห็นได้ผลตอบรับที่ดีเหมือนกัน หลังจากที่เหล่าเชฟกลับบ้านไปแล้วกลับมาเล่าให้พวกเราฟังว่า พวกเขา จดจำคุณประโยชน์-ข้อควรระวังของวัตถุดิบที่เคยมองข้ามไปได้เพื่อสุขภาพร่างกายตัวเอง หรือ ได้กลับไปปรับอาหารการกินให้กับคนในบ้านได้จริง เช่น ปกติปั่นแครอตให้ลูกกินเพราะลูกกินอาหารทางสายยาง เพิ่งรู้เลยว่าทำให้ตัวเหลืองได้เพราะลูกก็ตัวเหลืองจริง ๆ ตอนนี้เลยพยายามปรับให้สลับ ๆ กันไป และให้แครอตน้อยลงแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ สำหรับให้เห็นถึงความสำคัญเรื่องอาหารการกินในครัวเรือน แม้จะเล็กน้อยแต่ไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป อีกทั้งยังมีการส่งต่อความรู้ให้กับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมค่ายนี้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไปเลย
(แอบกระซิบว่า สิ่งที่ทำให้เหล่าเชฟยังคงจำสูตรอาหารไว้กลับไปทำได้ส่วนหนึ่งก็เพราะ คู่มือสูตรอาหารประจำค่าย ที่พวกเราตั้งใจทำให้ทั้งในปีที่แล้วและปีนี้ด้วยล่ะ!)

🗝️ Key To Process:
ปิ่นโตและกระเป๋าถือ ของคู่ใจของเหล่าเชฟ 🥣
จากกระแสตอบรับว่าอาหารที่ทำในค่ายเป็นที่ชื่นชอบมาก และยังเป็นอาหารหลักให้กับมื้อเย็นในวันนั้นได้ ในปีนี้เราจึง เพิ่มชั้นปิ่นโต มาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมบรรจุอาหารนำกลับบ้านไปได้มากขึ้น แต่บางทีพอถือปิ่นโตกลับบ้านดันปิดไม่สนิททำให้หกบ้าง ที่ถือของปิ่นโตจับไม่ถนัดเลยปลิวหลุดมือบ้าง เลยเพิ่ม กระเป๋าคู่ใจ อีกหนึ่งใบมาให้ใส่ปินโต กลายเป็นว่าสองสิ่งนี้ตอบโจทย์ในปีที่แล้วที่ตั้งคำถามกันว่า “จะทำยังไงให้ค่ายนี้มีภาพจำกับชุมชนดีนะ?” จากความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ กลายเป็นกิมมิคชิค ๆ ให้ทุกคนจำค่ายได้ด้วย นอกเหนือจากผ้ากันเปื้อนสุดเท่ ตอนนี้เรามีปิ่นโตและกระเป๋าคู่ใจเป็นยูนิฟอร์มประจำค่ายแล้วนะ
แบบทดสอบวัดผล วัดใจ 📃
เพราะค่ายเราไม่ได้มีแต่ความสนุกแต่ต้องการให้พวกเขาได้ความรู้ติดตัวกลับไปจริง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเหล่าเชฟได้ความรู้จริง ๆ — แบบทดสอบอย่างไรล่ะ! โดยพวกเราให้เหล่าเชฟทำก่อนเริ่มเรียนครั้งแรกเพื่อดูว่ามีความรู้เดิมอยู่เท่าใด และให้ทำหลังเรียนจบในสัปดาห์สุดท้ายเพื่อดูว่าได้รับความรู้เพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด ซึ่งแบบทดสอบทั้งสองเป็นข้อสอบชุดเดียวกันเป๊ะ ผลออกมาพบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรียนของเชฟเป็นไปในเชิงบวกทุกคน! ทำให้เห็นว่าค่ายของเรากำลังดำเนินมาถูกทางและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการจริง ส่วนเชฟหลายท่านบอกว่าตื่นเต้นที่ปีนี้มีข้อสอบ แต่กลับรู้สึกสนุกกว่าที่คิดแฮะ
น้ำยาล้างจาน ฮีโร่ของเหล่าเชฟ🧴
ในปีนี้ที่เพิ่มความรู้เรื่องการทำน้ำยาล้างจานและน้ำส้มสายชูเข้ามาให้เหล่าเชฟได้ลองลงมือทำกลับได้ผลตอบรับดีกว่าที่คาดไว้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสูตรในครั้งนี้ทุกคนสามารถหาซื้อได้ง่ายและใช้ของใกล้ตัวอย่าง มะนาวสำหรับทำน้ำยาล้างจาน ทำให้เหล่าเชฟสามารถกลับไปทำเองที่บ้านได้จริงในราคาวัตถุดิบที่เอื้อมถึง แถมน้ำยาที่ทำออกมาทั้งหอม ฟองเยอะ ล้างจานสะอาดกริ๊บ เป็นที่พอใจมากจนถึงขนาดที่เหล่าเชฟติดใจกลับไปทำต่อที่บ้านและต่อยอดทำขายเป็นอาชีพใหม่ได้เลย ซึ่งผลลัพธ์นี้ทำให้พวกเราก้าวข้ามขีดจำกัดจากเดิมที่ต้องการเป็นพื้นที่ได้เรียนรู้เรื่องสุขภาวะด้านโภชนาการและได้ร่วมพบปะกับวัยเก๋าด้วยกัน กลายเป็นว่าความรู้ในปีนี้สามารถต่อยอดรายได้ให้กับคนในชุมชนได้อีกด้วย
💕ผลลัพธ์ที่ดีต่อใจ
เพราะในปีนี้เรายังคงทำบนพื้นฐานของความต้องการชุมชนและดำเนินจุดประสงค์ของค่ายชัดเจนผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นที่พอใจกับทุกส่วนโดยเฉพาะพวกเราชาว Urban Studies Lab ที่ได้เห็นผู้สูงอายุทั้งในชุมชนเดียวกันและต่างชุมชนได้มีสายสัมพันธ์อันดีโดยมีอาหารเป็นตัวเชื่อมพวกเขาเข้าด้วย ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังได้นำความรู้ไปส่งต่อให้กับคนในบ้านเกิดเป็นสายใยความอบอุ่นแน่นแฟ้นกันยิ่งกว่าเดิม ความรู้ที่พวกเขาได้นั้นทั้งสามารถกลับมาทำกินเองได้จริงที่บ้านแถมยังต่อยอดรายได้ให้กับครัวเรือน
นอกจากความรักภายในชุมชนกันเองแล้ว พวกเขายังเผื่อแผ่ความรักมาให้กับพวกเราเหล่าทีมงานทุกคนอย่างล้นหลาม เพราะแม้จะจบค่ายไปแล้วแต่พวกเราและเหล่าเชฟยังคงมีสายสัมพันธ์ดี ๆ ต่อกัน ร่วมกันบอกต่อสิ่งที่ประทับใจในค่ายครั้งนี้ และแบ่งปันคำแนะนำให้พวกเราเตรียมพร้อมกับค่ายปีหน้าอยู่เสมอเลย
ซึ่งสิ่งที่เราได้รับกลับมานั้น ทั้งหมดทั้งมวลเริ่มต้นจากครัวกลางในศูนย์ฟอร์ดเพื่อนชุมชน FCC พื้นที่เล็ก ๆ ที่ได้มอบประสบการณ์การทำอาหารและความทรงจำมากมายให้กับชาวค่ายทุกคน การทำค่ายปีนี้ทำให้พื้นที่ครัวได้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างองค์กร ผู้คน และชุมชนมากขึ้นกว่าเดิม
เรียกได้ว่าปีนี้เป็นอีกปีที่พวกเราและเหล่าเชฟทุกคนได้รับทั้งความรู้ รอยยิ้มและอิ่มท้องกลับไปกันถ้วนหน้า ในปีหน้าเหล่าเชฟจะเจอกับอะไร และค่ายกับวัยเก๋าของเราจะกลับมาในรูปแบบไหน มาติดตามไปพร้อม ๆ กันนะ✨
Comments