ค้นหา
217 results found with an empty search
- ศึกษาเหตุการณ์ CROWD CRUSH
จากเหตุสลดที่เกิดขึ้นที่อิแทวอนในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ที่เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ทาง Urban studies lab ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย และเกิดเหตุการณ์อันน่าสลดขึ้น เราจึงขอรวมรวมการศึกษา CROWD CRUSH การสังเกต การเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบบนี้เพื่อเป็นความรู้ติดตัวเบื้องต้นให้กับผู้อ่านทุก ๆ ท่าน นักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมฝูงชนเฮลบิง พบว่า CROWD CRUSH นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเมื่อความหนาแน่นของคนอยู่ในสถานการณ์ถึงเกณฑ์วิกฤต ซึ่งความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 6 คนต่อตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งความหนาแน่นระดับนี้ก็ทำให้คนสามารถเคลื่อนไหวได้เพียงเล็กน้อย สามารถก่อให้เกิดความอันตรายจากการขยับตัว เบียด และดันกันระหว่างฝูงชน คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแผ่นดินไหว ทำให้คนถูกดันจนเสียการทรงตัวล้มลง และในความหนาแน่นระดับนั้น เมื่อ 1 คนล้มแล้วจะทำให้อื่นคนล้มตาม และล้มทับกันไปเรื่อย ๆ เหมือนกับโดมิโน ทำให้คนที่อยู่ด้านล่างเกิดการกระแทกการเบียด อาจส่งผลถึงอวัยวะด้านใน ขาดอากาศหายใจ และอันตรายถึงชีวิตได้ ลองนึกภาพว่าถ้า เพื่อน 1 คนนอนทับเรา เรายังรู้สึกอัดอัดแต่ร่างกายยังพอรับได้ แต่ถ้าเพื่อน 10 คน 20 คน หรือมากกว่านั้น เราจะรับไหวไหม? เหตุการณ์ CROWD CRUSH / CROWD QUAKE จะเกิดขึ้นในที่ ๆ มีการรวมตัวของฝูงชนจำนวนมาก อย่างงานเทศกาล งานคอนเสิร์ตแบบยืน งานกีฬา งานทางศาสนา สามารถดูเหตุการณ์ CROWD CRUSH ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ที่ https://en.wikipedia.org/.../List_of_human_stampedes_and... หากอยู่ในสถานการณ์ควรปฏิบัติอย่างไร? 1. ตั้งสติ มองรอบตัว สิ่งแรกที่ต้องทำคือเอาตัวเองออกมาจากฝูงชนให้เร็วและ สงบที่สุด สังเกตทางออก พิจารณาว่าควรเดินหน้าต่อหรือ หันหลังกลับ เดาว่าจุดศูนย์กลางของความหนาแน่นอยู่ตรง ไหน พยายามเคลื่อนไปอยู่ในที่คนเบาบาง หรือปีนขึ้นไปอยู่ บนขอบกำแพง 2. รีบออกมาตอนที่ยังทำได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกถึงความหนาแน่นที่มากขึ้น ขยับตัวได้น้อย ลง ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง ให้รีบออกมาในตอนที่ยังทำได้ เพื่อลดความหนาแน่นในสถานที่ ยิ่งช้าเท่าไหร่ ยิ่งออกยาก เท่านั้น 3. ยืนให้มั่นคง ห้ามล้ม หากหนีออกมาไม่ทันแล้ว ให้ตั้งหลักยืนให้มั่นคง รักษาการ ทรงตัว ห้ามล้มเด็ดขาด ถ้ามีคนล้มลงจะสร้างเอฟเฟกต์ โดมิโน ทำให้คนรอบข้างล้มตามทันที หากคุณล้ม น้ำหนัก ของร่างคนอื่นจะกดทับร่างคุณไว้กับพื้น อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต 4. ควบคุมการหายใจ การเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดอากาศหายใจไม่ใช่การถูกกระแทก คุณจึงต้องตั้งสติ ควบคุมการหายใจ พยายามอย่ากรีดร้องหากไม่จำเป็น เพื่อรักษาออกซิเจนไว้ 5. ตั้งการ์ดป้องกัน หากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ให้ยกแขนตั้งการ์ดเหมือนนักมวย ห่างจากตัวประมาณ 2 เซนติเมตร เพื่อป้องกันซี่โครงและปอดของคุณจากการกระแทก และเพื่อให้คุณยังสามารถหายใจได้ 6. ไหลไปตามฝูงชน เมื่อความหนาแน่นถึงระดับวิกฤต หากเราฝืนแรงดันจากฝูงชนจะทำให้คุณเสียพลังงานมาก ดังนั้นไม่ควรฝืน ให้ไหลไปตามทิศทางของฝูงชน แต่ต้องรักษาการทรงตัวและห้ามล้มเด็ดขาด 7. อยู่ให้ห่างจากกำแพงหรือสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถปีนได้ ผู้เสียชีวิตรายแรก ๆ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเป็นผู้ที่ถูกเบียดจนติดกำแพง ไม่สามารถขยับได้ คุณจึงควรออกให้ห่างจากกำแพง รั้ว หรือของแข็งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถปีนได้ 8. เข้าใจสัญญาณของความหนาแน่น •สถานการณ์ปกติ ไม่มีอันตราย : ไม่มีการสัมผัสทางกายภาพกับผู้คนรอบข้าง ความหนาแน่นจะยังน้อยกว่า 3 คน/ตารางเมตร •สถานการณ์ไม่ปกติ ควรออกจากศูนย์กลางของความแออัด: หากคุณกำลังชนกับคนรอบตัวคุณ 1-2 คนโดยไม่ได้ตั้งใจ ความหนาแน่นของฝูงชนจะต้องอยู่ที่ประมาณ 4-5 คน/ตารางเมตร •สถาณการณ์อันตราย : ไม่สามารถขยับมือได้อย่างอิสระ เริ่มไม่สามารถเอามามือจับใบหน้าได้ ความหนาแน่นของฝูงชนจะเริ่มมากกว่า 6 คน/ตารางเมตร 9. ใช้สติประเมินผล ในกรณีที่ฝูงชนเกิดความแพนิคจากเหตุร้าย วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดไปในทางเดียวกัน อันตรายจะเกิดขึ้นจากการชน ล้ม เหยียบกันจากฝูงชนมากกว่าภัยคุกคามอื่น ๆ ดังนั้นต้องมีสติ ประเมินสถานการณ์และเคลื่อนย้ายไปยังที่ปลอดภัยอย่างสงบ และอยู่ห่างจากฝูงชนให้มากที่สุด 10. ช่วยเหลือกันและกัน นักจิตวิทยา John Drury จากมหาวิทยาลัย Sussex แนะนำว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรม ฝูงชนที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจะรอดชีวิตมากกว่า ดังนั้น จงรักษาความเป็นมนุษย์และมีความกรุณาต่อผู้อื่น ให้ความช่วยเหลือเมื่อทำได้ มองหา คนที่อ่อนแอ ต้องการความช่วยเหลือ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนรวม ถึงตัวคุณเองด้วย (แต่ต้องแน่ใจว่าตัวคุณเองก็ไม่เสี่ยงอันตรายเกินไป) วันสำคัญ งานเทศกาล อีเว้นท์ต่าง ๆ ที่มีการดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก มีความเสี่ยงและควรระมัดระวังอย่างสูง ผู้จัดงาน หรือผู้ใดที่มีความเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน คิดเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิด ควรกำหนดข้อปฏิบัติ ในการแก้ไขปัญหา และการช่วยเหลือ มีความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมและการสูญเสียขึ้น ประชาชนควรระมัดระวัง มีสติและไม่ประมาท มองหาทางออกก่อนเสมอเมื่อเข้าไปในสถานที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน ทั้งนี้ทาง USL หวังว่าข้อมูลที่นำมาสรุปจะมีประโยชน์กับทุกท่านในวันที่อาจต้องพบเจอกับวิกฤตดังกล่าว . ที่มา : https://theconversation.com/ten-tips-for-surviving-a... https://en.wikipedia.org/.../List_of_human_stampedes_and...
- Nang Loeng in the Bag !!!
มาเปิดประสบการณ์รสชาติอาหารใหม่ ๆ และร่วมลิ้มลองเมนูแสนอร่อย ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์มาอย่างลงตัว กับ 3 ชุดเซตของว่างสุดน่ารัก ค่าจัดส่งเหมาจ่ายอยู่แค่ 50 บาทเท่านั้น ! 💛 Set 1 Hot and Sweet : 250 บาท น้ำพริกเผาสูตรเด็ด ที่หอมอร่อยกลมกล่อม (จากร้าน DTF) และ สังขยา ของหวานจากร้านชื่อดังในตำนาน (จากร้าน หน่ำเฮงหลี) สำหรับทานคู่กับครัวซองอบกรอบ (จากร้าน Embassy) 🧡 Set 2 Nangloeng tea time : 280 บาท มาลิ้มลองคุกกี้น้องมะม่วงสุดน่ารัก (จากร้าน Mamuang cafe) กับ สังขยาแสนอร่อย (จากร้าน หน่ำเฮงหลี) และเนยหอม ๆ กลิ่นชาเอิร์ลเกรย์น้ำผึ้ง (จากร้าน Nangloeng shophouse) 💚 Set 3 Chocolates Peanut Butter : 300 บาท เซตขนมของเด็กอ้วนในตำนาน มาลิ้มรสข้าวพองเคลือบช็อกโกแลตเน้น ๆ (จากร้าน Embassy) พร้อม Peanut Butter สุดหอมมันอร่อยลงตัว (จากร้าน Nangloeng shophouse) และ สังขยาหอมอร่อยสุดพิเศษ (จากร้าน หน่ำเฮงหลี) ไว้ให้ปาดหน้าข้าวพองเยิ้มๆ 💙 SATI DRIP BAG : 55 บาท เพิ่มความหอมอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก... ด้วยเซตกาแฟสุดน่ารัก (จากร้าน Left Hand Roasters และ Na Cafe) และกำไรที่ได้จากการขายนี้ จะถูกสมทบร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการศึกษา ในหมู่บ้านเลอตอโกล จ.ตาก . 💬 สามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ - 10 ก.ย. 64 (สินค้าจะพร้อมจัดส่งในวันที่ 12 ก.ย. 64) ผ่านช่องทาง.... 📌 FB : Urban Studies Lab 📌 IG : nangloeng.in.the.bag 📌 หรือโทร 0864246635 . ด้วยสถานการณ์วิกฤต #โควิด19 ทาง Urban Studies Lab จึงได้สร้างโครงการนี้ขึ้น เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอาหาร และกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยการสนับสนุนสินค้าและบริการจากกิจการต่าง ๆ ภายในชุมชน
- ประกาศเลื่อนจัดกิจกรรม Workshop ‘เชื่อมวิถีพัฒนา คืนชีวิตให้คลองผดุงกรุงเกษม’
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในขณะนี้ ได้มีแนวโน้มทวีความ รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว ทางคณะผู้จัดกิจกรรมจึงขอเลื่อนวันจัดกิจกรรม Workshop ‘เชื่อมวิถีพัฒนา คืนชีวิตให้คลองผดุงกรุงเกษม’ จากวันที่ 2-6 สิงหาคม 2564 เป็นวันที่ 2-6 ตุลาคม 2564 ทางคณะผู้จัดกิจกรรมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
- Thailand Smart City Handbook by USL
Thailand Smart City Handbook is Urban Studies Lab’s work which was commissioned by UK Foreign, Commonwealth and Development Office (FCDO) as complementary research to the Prosperity Fund’s Global Future Cities Programme (GFCP). This handbook is a part of the UK's Smart City Initiatives in Thailand to address challenges we are facing from population growth to climate change, as well as, the opportunity for new innovation and services towards a more resilient urban development. It covers Thailand smart cities landscape includes Thailand smart city’s overview, an insight of Bangkok smart city development categorised following the Thailand Smart City domain. Thailand Smart city handbook also covers other pilot cities in Thailand as well as Eastern Economic Corridor with mega infrastructure development across 3 cities i.e., Chachoengsao, Chonburi, and Rayong. Thailand Smart City Handbook was originally launched in October 2020 and it is now available online to the public. Follow the link, register, and learn about Thailand smart city landscape. Please find our full article in English here https://eu.eventscloud.com/ehome/index.php?eventid=200216484&fbclid=IwAR2-IMC4aiHR5gm7O9n9zUbcciN90CypLhdkjG15DyWMdSUaqQL6mduyEnU
- งานสนทนาโต๊ะกลมว่าด้วยหัวข้อ Placemaking
USL Lecture Series ตอนสุดท้ายของปีนี้ในหัวข้อ Placemaking! ในวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563 เวลา 13:00-15:00 พบกับผู้ร่วมสนทนาโต๊ะกลม: 1. ศุภวุฒิ บุญมหาธนากร (ตี๋) สถาปนิก จาก ใจบ้านสตูดิโอ 2. วิไลวรรณ ประทุมวงศ์ (ปรอ) Desingner/ Media Producer จาก Urban Upgrade 3. ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง จาก NIA และ moderator โดย ผศ.กฤษณะพล วัฒนวันยู จาก SoA+D, KMUTT สามารถรับชม Live ในวันศุกร์ที่ 18 นี้ผ่านทาง Facebook ของ NIA Academy ค่ะ
- Lecture Series Podcast : Urban Resilience Urban Innovation in the Time of Crisis
สำหรับพอดแคสต์จาก USL Lecture Series: Urban Resilience Urban Innovation in the Time of Crisis ร่วมกับ NIA Academy ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ของคุณไฝ จากมูลนิธิดวงประทีป โดยแนต ณิชาภัทร นักวิจัยของ USL เกี่ยวกับการรับมือโควิด-19 ของชุมชนคลองเตย ตอนนี้พอดแคสต์ USL Lecture Series สามารถรับฟังผ่านสตรีมมิ่งได้แล้วนะคะ ทั้ง Spotify, Apple Podcast, Castbox, และ Anchor Spotify: https://spoti.fi/2Ym0Pra Apple Podcast: https://apple.co/2XUVaJJ Castbox: https://bit.ly/2BT8ENm Anchor: https://bit.ly/30zDh4X
- Lecture Series Podcast: Urban Innovations In Time of Crisis
Urban Studies Lab ร่วมกับ NIA Academy ขอเสนอ Lecture Series Podcast: Urban Innovations In Time of Crisis ว่าด้วยเรื่องของเมืองจากมุมมองต่าง ๆ ของผู้คนหลากหลายอาชีพ ในเดือนนี้เราจะว่ากันด้วยเรื่อง Sociocultural Heritage หรือ มรดกทางสังคมวัฒนธรรม โดยแขกรับเชิญของเราในวันนี้ คือ คุณ Roc Chyarop Burapat ซึ่งเป็นทั้ง Videographer, Creative Consultant & Brand Strategist และผู้ก่อตั้งของ Assajan Collective จะมาเล่าให้พวกเราฟังกันว่าสถานการณ์ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ่านมุมมองของ Assajan Collective เป็นอย่างไรบ้างและอะไรทำให้การแสดงมรดกทางสังคมวัฒนธรรมไทยมีข้อจำกัดมากมาย แล้วทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงความเหมาะสมในการปรับมรดกทางสังคมวัฒนธรรมไทยมาใช้ในงานร่วมสมัย Apple Podcast: https://apple.co/31bX74W Anchor: https://bit.ly/3fnxVgR Spotify: https://spoti.fi/2XixNZK Castbox: https://bit.ly/3gojI4z
- Lecture Series Podcast ในเรื่องของเมืองจากมุมมองต่าง ๆ ของผู้คนหลากหลายอาชีพ
Urban Studies Lab ร่วมกับ NIA Academy ขอเสนอ Lecture Series Podcast ว่าด้วยเรื่องของเมืองจากมุมมองต่าง ๆ ของผู้คนหลากหลายอาชีพ เดือนที่ผ่านมาอยู่ในธีม Digitalisation หรือ Smart City โดยแขกรับเชิญของเราในวันนี้ คือคุณโม มาลีพรรณ ผาสุพงษ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Deverhood จำกัด มาเล่าเรื่องการสอบออนไลน์ในช่วงเวลากักตัวของวิกฤติโควิด-19 ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ความท้าทายของการจัดสอบร่วมกับทางมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง มาร่วมรับฟังพอดคาสต์ผ่านทางช่องทางต่อไปนี้ค่ะ Spotify: https://spoti.fi/2ZTJiqS Apple podcast: https://apple.co/2Wh23nx Anchor: https://bit.ly/3iFB9zf Castbox: https://bit.ly/3iQPXev
- "Is Smart City for everyone?"
เนื่องจากในเดือนนี้ USL Lecture Series อยู่ในธีม Community Digitalisation/Smart City เราจึงอยากเอาบทความเมื่อปลายปีที่แล้วมารีรีน "Is Smart City for everyone?" บทความล่าสุดจากบทสนทนาระหว่างผู้อำนวยการและนักวิจัยของ USL เกี่ยวกับ Smart City (English below) "พี่ปั้นเล่าว่า Smart City ในนิยามของเขาขึ้นอยู่กับตัวมนุษย์มากกว่า นวัตกรรมในอนาคตจะทำให้มนุษย์มีศักยภาพเพิ่มขึ้นและเมืองจะฉลาดขึ้นได้ด้วยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ไม่ควรจะลืมทักษะพื้นฐานเช่นกัน" "Our director and our fellow had a discussion about Smart City. Pun told us his definition of Smart City is more about human. Innovation in the future should increase a human’s capacity. Then the city will be smarter as we are smarter. However, human should not forget our basic skillsets." อ่านบทความภาษาไทยเต็ม ๆ ได้ที่ https://bit.ly/33qVmAH Please find our full article in English here https://bit.ly/2NS3y6f บทความโดย ณิชาภัทร สนั่นศิลป์
- The Missing Street Benches บทความโดยนักวิจัยคนใหม่ของ USL
บทความโดยนักวิจัยคนใหม่ของ USL Jirapatr Jitwattanasilp ม้านั่งสาธารณะตามท้องถนนมีบทบาทอย่างมากในการสร้างความเป็นพื้นที่สาธารณะและการเดินเท้า บนทางเท้านั้นม้านั่งเพิ่มมิติการใช้พื้นที่ของทางเท้า ทั้งในด้านระยะเดิน ความเป็นพื้นที่สาธารณะในการใช้พักผ่อนหย่อนใจ ม้านั่งสาธารณะยังเป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่สาธารณะเพียงไม่กี่สิ่งที่ที่ไม่ได้พ่วงมากับการใช้พื้นที่ในการบริโภคเป็นหลัก แต่ม้านั่งในกรุงเทพนั้นหาได้ยากเย็นยิ่งนัก มั้านั่งพบได้เพียงตามสวนสาธารณะ ป้ายรถเมล์ หรือตามพิ้นที่กึ่งสาธารณะ เช่นลานตามห้างสรรพสินค้า อาคารสูงต่างๆ ม้านั่งหลายๆที่ยังมีความไม่เป็นมิตร จำกัดวิธี หรือเวลาการใช้งานผ่าน การออกแบบ หรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ม้านั่งที่หายไปจากทางเท้าสะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่าของขนบในด้านการรับรู้ หรือแนวคิดต่างๆที่เกี่ยวกับพื้นที่สาธารณะ เหมือนว่าพวกเราในฐานะ Urbanist ได้ละเลยศักยภาพและความเป็นพื่นที่สาธารณะของทางเท้าไปอย่างไม่ตั้งใจหรือยอมจำนนต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในการนิยามความเป็นสาธารณะของทางเท้า ทางเท้าที่หายไปสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม ความไม่เป็นธรรมของการให้บริการพื้นที่สาธารณะที่แท้จริง ในนิยามของคนเมืองอาจจะละเลยกลุ่มคนรายได้ต่ำ คนชรา และเด็ก สิทธิในการเข้าถึง ใช้งานและแสดงออกในพื้นที่สาธารณะและความมีตัวตนของพวกเขาเหล่านั้น ถูกทำให้เงียบหายไปจากทางเท้า จากโครงข่ายพื้นที่สาธารณะที่ใหญ่สุดของเมือง Street benches playing a big role in boosting publicness and walkability. They enhance the quality of the street as public space. They allow people to spend their time outside more often, longer and encourage walkability. Street benches offer a place for a citizen to represent themselves as a part of the city, the public life without needs to consume. But Benches in Bangkok only exist at a very specific spot, such as some bus stops, parks and semi-private properties. Bus stops are often designed to be quite hostile to users – they are discouraged from lingering as much as possible by the sheer discomfort of the seat. The missing street benches portray a larger issue of Bangkok’s public space normative. It seems like us practitioners in urbanism might have overlooked the basic measure in the foundations of public life or somehow surrender to the wave and demands of the socio-economic. Bangkok city is screaming a very defensive approach in urbanism practices. The missing street benches become the measure of inequality and injustice of public space. The public life becomes alienating lower-income demography, elderly and children. Their rights are silenced to be in our publicness, in the representation of our city. Bangkok urbanism is hostile. ติดตามบทความเพิ่มเติมได้ที่ https://www.linkedin.com/pulse/missing-street-benches-jirapatr-jitwattanasilp/?fbclid=IwAR0KQf-8oZDPoJAfd2NaGKX0IIpSSx1kXIhdKH3z94ThWtaE-6G87Gu0t4U
- Embassy Coffee ร้านที่เกิดจากความฝันของพี่บอย ส่วนหนึ่งจาก Zine หรือหนังสือทำมือ ที่ระลึกถึงนางเลิ้ง
ส่วนหนึ่งจาก Zine หรือหนังสือทำมือ ที่ระลึกถึงนางเลิ้ง: 01 (Of Human and Places in Nang Loeng: Issue 01, English below.) ติดตามอ่านเนื้อหาในเล่มได้ที่ link: https://issuu.com/usl.bangkok/docs/usl_zine_for_issuu พี่บอย หรือศรุติ พรมจันทร์ เดิมเคยค้าขายกับราชการ มีพาร์ทเนอร์ของร้านคือบก.ปู แต่การเปิดร้านกาแฟ Embassy Coffee แห่งนี้เกิดจากความฝันของพี่บอย และได้โอกาสมาเปิดร้านที่นี่เพราะอากงมีที่อยู่ที่หลานหลวงพอดีและความผูกพันกับนางเลิ้งอีกด้วย และด้วยความชอบสื่อสาร พบปะผู้คน เมื่อจังหวะและเวลาลงตัวได้เปิดร้านกาแฟจึงมีกาแฟเป็นสื่อในการเชื่อมโยงกับผู้คน เพราะกาแฟเป็นอะไรที่สากล ร้านพึ่งเปิดมาได้ปีกว่า บก. ปูรักการทำเบเกอรี่ พอดีกับที่พี่บอยเชี่ยวชาญด้านการชงเครื่องดื่มและทำอาหาร เมนูเบเกอรี่ในร้านเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เนื่องจากบก.ปูทำเมนูได้หลากหลายเกินกว่าที่จะทำเมนูเดิมทุกวัน และใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ทำทุกอย่างเหมือนทำกินเอง ความสุขของพี่บอยคืออยากให้ผู้คนได้เรียนรู้กับเมืองเก่าในย่านนี้ พี่บอยเปรียบได้กับเจ้าบ้านที่ทำอาหารและเครื่องดื่มร่วมสมัยที่คอยแนะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักของพี่บอยเนื่องจากร้านกาแฟแห่งนี้ก็เป็นโฮสเทลอีกด้วย พี่บอยชอบร้อยพวงมาลัย เมื่อลูกค้าชาวต่างชาติได้มาที่แห่งนี้ก็จะมีพวงมาลัยที่พี่บอยร้อยเองเป็นตัวเชื่อมในการพานักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางไปไหว้พระที่วัดในพระนคร พี่บอยทำทุกอย่างเพื่อให้ร้านอยู่ได้นาน ๆ ไม่อยากให้เป็นร้านที่ฉาบฉวย ความสุขของลูกค้าคือหน่วยวัดผลกำไรของพี่บอยไม่ใช่จำนวนแก้วกาแฟ เรียกได้ว่าความฝันของพี่บอยเป็นจริงแล้ว แต่เป้าหมายต่อไปของพี่บอยคือการทำให้ร้านนี้อยู่ได้อย่างยั่งยืนและเข้าใจตัวตนของพี่บอย พี่บอยบอกว่าย่านนางเลิ้งเหมือนกำลังนอนหลับอยู่ การค้าขายในย่านนี้เหมือนทำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตามกำลังที่มีมากกว่าทำเพื่อการแข่งขันเพื่อผลกำไร พี่บอยหวังว่าวันหนึ่งสถาปัตยกรรมในย่านนี้จะได้รับการฟื้นฟูและร้านรวงที่หลับไหลจะกลับมาครึ้กครื้นอีกครั้ง แม้แต่ร้านของพี่บอยเองก็ตั้งใจออกแบบเองให้กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของพื้นที่รอบ ๆ แต่ก็สอดแทรกความร่วมสมัยและลักษณะงานจากตะวันตกเข้าไปด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นส่วนผสมของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของนางเลิ้งอย่างกลมกล่อมเหมือนกับรสชาติของเครื่องดื่มที่พี่บอยชงและเบเกอรี่ที่บก. ปูทำนั่นเอง Saruti Promchan, or P Boy, used to be a trader. He is now an owner of The Embassy Coffee Larnluang with Editor Pu. His grandfather happened to have a shophouse in Larnluang, compiling with a strong bond he has with Nang Loeng, he was finally living the dream being an owner of The Embassy Coffee Larnluang. He loved connecting to people and coffee is the best way for people to connect as it is international. The coffee place has been opened for more than a year. While Editor Pu loves baking, P Boy loves brewing and cooking. The menu keeps changing through seasons and preferences. Editor Pu could bake too many menus to stick to just one permanent set of bakeries. They bake, cook, and brew like they do it for themselves. Saruti found happiness in telling stories of this old city as his main customers are foreigners. His coffee shop is the bridge for tourists to the locals. From bakeries to flower arrangement, all of his works have connected people to the authentic taste of Nang Loeng and Phra Nakhon areas. Saruti aimed for sustainability. He didn’t want to be like fireworks that illuminated for just a moment and gone. The happiness from his customers were the profits not the number of the coffee cups he sold. It is safe to say his dream has come true, but his next goals are to keep the coffee shop ages like fine wines and for people to see the identity of this place. When talking about Nang Loeng, Saruti said Nang Loeng was asleep. The area was not busy. People worked just to make a living but not for competition. He was hoping that the architecture in this area would be renovated and all these sleeping shophouses would awaken again. He designed the coffee shop by himself to blend it into the area but also with a hint of western contemporary styles. The Embassy Coffee Larnluang is a good mix of the past, the present, and the future, just like the bakeries, food, and drinks which you could find in this coffee place.
- มิติใหม่ชุมชนนางเลิ้ง แหล่งเรียนรู้คู่การอนุรักษ์
Thank you Thai PBS team for such a very good coverage. They captured our FREC and USL stories really well. Learning together for a livable urban neighborhood. ขอบคุณ Thai PBS สำหรับการนำเสนอเรื่องราวดีๆ "แหล่งเรียนรู้คู่การอนุรักษ์" ศูนย์การเรียนรู้ฟอร์ดเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม FREC Bangkok ศูนย์วิจัยชุมชนเมือง USL เรียนรู้ร่วมกันเพื่อสังคมเมืองน่าอยู่ ชุมชน สิ่งแวดล้อม https://www.youtube.com/watch?v=WIxW7LsN4Co